Trezor ดีไหม? เราจะมีรีวิว Trezor และทำความรู้จักกับกระเป๋าคริปโตที่จะช่วยปกป้องเงินคริปโตของคุณ

วันนี้ทีมงาน SIAMBC จะมารีวิว Trezor Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าสตางค์สำหรับเก็บคริปโต ช่วยรักษาทรัพย์สินอย่างปลอดภัย สามารถเก็บรักษาคริปโตได้กว่า 1,694 สกุลเงิน ครอบคลุมทุก Network หลักๆ อุปกรณ์ที่สายซิ่งต้องมี!

เงินดิจิทัลหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าคริปโตนั้นถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าอย่างมากในปัจจุบัน ราคาที่พุ่งสูงขึ้นในทุกๆ วันได้ดึงดูดให้การโจรกรรมที่อาศัยช่องโหว่ในโลกไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนมากแล้ว แฮกเกอร์จะอาศัยช่องโหว่ที่เหยื่ออาจจะเผลอไปกดอนุมัติ Smart Contract บนแพลตฟอร์ม DeFi ที่ปล่อยให้บุคคลที่สามมีสิทธิ์ในการล่วงล้ำเข้ามาในกระเป๋าสตางค์แบบ Online (Hot Wallet) ที่ใช้ทำธุรกรรม หรือกระทั่งการแฮกเข้าคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกระเป๋าสตางค์คริปโต Hot wallet เอาไว้และเข้ามาดึงเอาเงินในกระเป๋าไปโดยไม่รู้ตัว

อุปกรณ์ที่ใช้ในการปกป้องการถูกแฮกจึงถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ถือครองคริปโต อุปกรณ์ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายก็คือ Hardware Wallet ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบบให้เลือกใช้ เราขอแนะนำหนึ่งใน Hardware Wallet ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดอย่าง Trezor Wallet

Trezor One White (สีขาว)

ทำความรู้จักกับ Trezor Wallet

Trezor ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตและให้บริการ Hardware Wallet ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่มีการใช้งานระบบ Blockchain ในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงผู้ที่มีสกุลเงินคริปโตอยู่ในการครอบครอง เพราะมีความปลอดภัยสูง มีการออกแบบที่ใช้งานง่าย พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลแบบ Open-source จึงไว้วางใจได้ Trezor สามารถจัดเก็บคริปโตได้มากกว่า 1,694 สกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, Binance coin, Litecoin และอื่นๆ อีกมากมาย ครอบคลุม Network หลักต่างๆ ในโลก Blockchain

ข้อดีของการใช้ Trezor Wallet ในการจัดเก็บทรัพย์สินคริปโต

กระเป๋าสตางค์คริปโตแบบ Hardware Wallet จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บคริปโตของคุณ เป็นเสมือนกับตู้เซฟที่ปกป้องทรัพย์สินของผู้ใช้งานอีกครั้ง การมอบ Private key (รหัสสำหรับกู้ข้อมูลของ Hardware Wallet)  ให้ผู้ใช้จดใส่กระดาษ หรือเก็บไว้แบบ Offline ในพื้นที่ส่วนตัว ไม่มีใครสามารถมาขโมยเอาไปได้ผ่านโลกไซเบอร์ ต่างกับ Hot wallet หรือกระเป๋าสตางค์ออนไลน์ที่จะต้องมีบุคคลที่ 3 เข้ามาจัดเก็บ Private key หรือรหัสเข้ากระเป๋าให้กับเจ้าของ ซึ่งรหัสนั้นจะถูกฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ จึงหมายความว่ารหัสนี้จะสามารถเข้าถึงแบบออนไลน์ได้ เป็นช่องโหว่สำหรับให้บรรดาแฮกเกอร์เข้าขโมยเงินในกระเป๋าแบบ Hot Wallet ไปได้

ในส่วนของ Trezor จะผสมผสานความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวและความสะดวกในการใช้งานเข้าด้วยกัน โดยไม่มีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงการป้อนรหัส PIN code กับตัว Hardware Wallet ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมโดยตรงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว จุดแข็งอีกอย่างของ Trezor ยังเน้นในเรื่องของความเป็นส่วนตัว เช่น Trezor สามารถเชื่อมต่อบราวเซอร์ Tor ที่ใช้สำหรับท่อง Dark Web ผ่านแอพพลิเคชั่นในอุปกรณ์ Hardware Wallet ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกเดียว

Trezor One Black (สีดำ)

ข้อจำกัดของการใช้งาน Trezor Wallet

โดยทั่วไปแล้ว Hardware Wallet จะมีข้อจำกัดด้านการใช้งานอยู่เล็กน้อย คือไม่สามารถใช้งานกับกระเป๋าสตางค์คริปโต Online (Hot Wallet) ที่ติดตั้งในสมาร์ทโฟนได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้ Trezor จะแจ้งมาว่ามีการรองรับแล้วก็ตาม แต่ฟังค์ชั่นหลายๆอย่างยังจะต้องใช้งานผ่านกระเป๋าสตางค์ Hot Wallet บนบราวเซอร์ หรือ โปรแกรม Trezor Suite บนคอมพิวเตอร์เท่านั้น และตอนนี้ยังไม่สามารถใช้ MetaMask ผ่านมือถือได้ ซึ่งบางครั้งหากผู้ใช้ต้องการจะทำการซื้อขายคริปโตนอกสถานที่ จะต้องพกทั้งคอมพิวเตอร์และ Hardware Wallet ติดตัว นอกจากนั้นด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานแบบ Offline จึงทำให้อาจจะมีปัญหาด้านความจุอยู่บ้าง

Trezor One กับการใช้งาน FIDO U2F สามารถใช้ได้เพื่อป้องกันบัญชีหลากหลายแพลตฟอร์มเช่น Gmail, Google Drive, dashlane, Dropbox, WordPress, GitLab, GitHub, Facebook, Binance, Bitkub, Twitter และอื่นๆอีกมากมาย

Trezor กับการใช้งาน FIDO U2F Token เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม Trezor ก็ได้เสนอทางเลือกที่สะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน เพื่อทดแทนข้อจำกัดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการจัดเก็บคริปโตแบบ Offline ผู้ใช้งานสามารถใช้ Hardware Wallet ให้เป็น FIDO U2F token เพื่อที่จะล็อกอินเข้าไปในบริการเว็บไซต์ต่างๆ เข้ารหัสและถอดรหัสที่ถูกเก็บในฟังก์ชั่น Trezor Password Manager ได้ อีกทั้งยังสามารถเข้าไปใช้งานแอพพลิเคชั่นและบริการของบุคคลที่สามได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย

อุปกรณ์ Hardware Wallet ถือว่าเป็นอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีการถือครองคริปโตและมีการเข้าไปใช้ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม DeFi และ MetaMask หรือการเงินแบบกระจายศูนย์เพราะในระบบ DeFi ผู้ใช้งานจะเป็นผู้ดำเนินการเก็บรักษาและทำธุรกรรมของตัวเอง 100% ไม่มีตัวกลางที่จะคอยช่วยเหลือหรือแก้ไขหากมีการทำธุรกรรมผิดพลาดได้ ดังนั้น Trezor จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว  

ที่มา:

https://trezor.io/

https://blog.trezor.io/why-you-need-a-hardware-wallet-eaf966c5c193

https://blog.trezor.io/open-source-and-hardware-obsolescence-ce526d5eec8f