Blockchain

DeFi ทางเลือกเส้นทางการเงินในอนาคต

DeFi คืออะไร ?  Decentralized Finance หรือ DeFi คือการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไร้ศูนย์กลางบนระบบ Blockchain ซึ่งเป็นระบบที่ผู้อ่านอาจคุ้นหูกัน ซึ่ง Bitcoin และ Cryptocurrency ก็ถูกสร้างขึ้นบนระบบ  Blockchain เช่นเดียวกัน  อธิบายสั้นๆให้ผู้อ่านได้เข้าใจได้ง่ายและเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น DeFi ก็คือการทำธุรกรรมทางการเงินทุกกิจกรรมที่ไม่ต้องผ่านธนาคารนั่นเอง  ทำให้ปัญหาด้านการโดนหักค่าธรรมเนียมที่น่าหงุดหงิดใจนั้นถูกตัดออกไปได้ง่าย อีกทั้งการได้ผลกำไรจากการทำธุรกิจในอนาคตจะมีค่าตอบแทนที่มากยิ่งขึ้น  DeFi  อนาคตที่จะเกิดขึ้น สำหรับนักลงทุนและการเงิน  ในอนาคตนั้นธนาคารต่างๆจะถูกบีบตัวให้เกิดการแข่งขันแต่ท้ายที่สุดธนาคารต่างๆก็จะไม่สามารถสู้กับการหมุนเวียนของเงินที่ไร้ตัวกลางในที่สุด  นั่นก็เพราะว่าการใช้จ่ายเงินในอนาคตไม่จำเป็นจะต้องผ่านตัวกลางอีกแล้ว  แม้ในปัจจุบันเรายังต้องใช้บัญชีรับจ่าย ฝากโอนเป็นธนาคารใดๆอยู่ก็ตาม แต่ในอนาคตยอดเงินเหล่านั้นของเราจะเข้ามาสู่ตัวของเราได้โดยตรง และไม่ต้องมีตัวกลางในการจัดการ  นั่นทำให้การค้าขายในอนาคตจะมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น   ทั้งคนที่ทำธุรกิจต่างๆนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกตรวจรายรับรายจ่ายย้อนหลัง  โดยในปัจจุบันนี้ยอดเงินที่ตั้งเป็นค่าโอนจ่ายและรับในแต่ละวันนั้นถูกกำหนดพื้นฐานที่ 2 แสนบาทถึง 1 ล้านบาทนั่นเอง  ซึ่งในจุดนี้เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจค้าขายออนไลน์เพราะยอดหมุนเวียนในแต่ละวันนั้นมียอดที่สามารถสูงกว่ายอดกลางที่ตั้งไว้ได้นั่นเอง  ซึ่งการเข้ามาของการทำธุรกรรม DeFi แบบไร้ศูนย์กลางจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้นั่นเอง DeFi  และบทบาทในอนาคต แน่นอนว่าหนึ่งในคำถามที่จะถูกตั้งขึ้นอันใกล้นี้คงนี้ไม่พ้นความปลอดภัยและความมั่นคง เนื่องจากระบบจัดการของการเงินในอนาคตนั้นสามารถทำได้โดยไร้ศูนย์กลางในการรับจ่ายและส่ง  ทำให้การตรวจสอบทั้งภาษี และจากรัฐบาลที่ลดน้อยถอยลง  ซึ่งด้านนี้เป็นข้อดีสำหรับผู้ที่จะลงทุนทำธุรกิจแบบไร้ศูนย์กลางเนื่องจากเม็ดเงินที่ได้รับนั้นมหาศาลและทำได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันการมาของ DeFi นั้นยังเป็นช่องทางให้คนอีกหลายกลุ่มนั้นสามารถหลบหลีกจากการตรวจสอบการเงินของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ได้ง่าย โดยสิ่งนี้น่าจะเป็นเครื่องหมายคำถามชิ้นโตที่จะต้องหาทางแก้ไขและประนีประนอมให้ได้มากที่สุดนั่นเอง DeFi และกฎหมาย …

DeFi ทางเลือกเส้นทางการเงินในอนาคต Read More »

ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งหน่วยงานเร่งศึกษา Libra เพื่อร่างกฎหมายและข้อบังคับ

เมื่อไม่นานมานี้ Facebook ได้ปล่อยข่าวใหญ่ระดับสะเทือนวงการด้านการเงินและเศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากการเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล Libra ที่ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน มาเป็นตัวขับเคลื่อนในการโอนเงินข้ามประเทศให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งมีความรวดเร็วและยังมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการที่ต่ำมาก แต่หลังจากที่ได้เปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล Libra ไม่นานนักหลายองค์กรของรัฐบาลก็ได้ทำเรื่องไปถึง Facebook ว่าให้ชะลอการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอล Libra เพื่อจะประเมินผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งในด้านข้อกฎหมายและการนำไปใช้เกี่ยวกับการทุจริต เช่นนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลนี้อย่างใกล้ชิดเพราะมีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ความเสถียรของการเงินในการคุ้มครองผู้บริโภคจนถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ในการฟอกเงินเป็นแหล่งเงินทุนให้กับผู้ก่อการร้าย ประเทศไทยถือเป็นชาติที่มีการใช้งาน Facebook มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งแน่นอนว่าสกุลเงินดิจิตอล Libra ก็ถือเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายของรัฐบาลไทยกำลังให้ความสนใจ ซึ่งมีธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำลังเร่งศึกษาและออกกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย นอกจากนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังเผยว่า Facebook ก็มีการติดต่อมาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหานี้โดยตรง ซึ่ง Facebook พยายามผลักดันให้ Libra สามารถใช้งานได้จริงในระดับสากล และแน่นอนว่าประเทศไทยก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ Facebook ได้ให้ความสนใจในด้านการทำการตลาดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลชนิดนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสกุลเงินดิจิตอล Libra เป็นเรื่องที่ใหม่พอสมควร ถึงแม้จะมีการเผยแพร่เอกสาร White Paper ออกมาให้ศึกษาแต่ก็พบว่าเป็นข้อมูลเชิงเทคนิคจำนวนมาก ต้องใช้เวลาและบุคคลที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในการทำความเข้าใจถึงจะร่างกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลชนิดนี้ออกมาได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ตั้งหน่วยงานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะซึ่งมีการร่วมมือกันหลายภาคส่วน เพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็พยายามจะผลักดันให้นวัตกรรมทางการเงินของไทยมีความก้าวหน้า เพื่อส่งเสริม Startup และธุรกิจการค้าทางออนไลน์ให้มีความก้าวหน้าในระดับสากล

Ethereum คืออะไร? มีความน่าลงทุนมากแค่ไหน

สำหรับ ‘Ethereum’ ก็คือ สกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้ โดยกำลังเป็นที่จับตามองไม่แพ้สกุลเงินรุ่นพี่อย่าง ‘Bitcoin’ เลยทีเดียว ซึ่งหลายๆคนยังมีคำถามว่า แล้ว ‘Ethereum’ นั้นมีความพิเศษและแตกต่างจากเงินดิจิทัลสกุลอื่นอย่างไร ทำไมจึงถูกพูดถึงในวงกว้าง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ‘Ethereum’ ให้มากขึ้นกันดีกว่า Ethereum เหมือนหรือต่างกับ Bitcoin อย่างไร? ในความเป็นจริงแล้ว Ethereum กับ Bitcoin คือ เงินดิจิทัล ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงอยู่พอสมควร เพราะมีเทคโนโลยี ‘Blockchain’ คือ คุณสามารถขุด และทำการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรได้ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าบางแห่ง ให้คุณนำ Bitcoin มาซื้อสินค้าแทนเงินสดได้แล้วด้วย หากแต่ความแตกต่างของ Ethereum คือ Ethereum ไม่ได้เป็นเพียงแค่สกุลเงินธรรมดาๆ เท่านั้น หากแต่เป็น Open Source ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาพัฒนาข้อมูลต่างๆ ได้ จึงสามารถสร้าง Application ต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งานได้อีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้ Ethereum นำไปใช้ได้หลายวิธี …

Ethereum คืออะไร? มีความน่าลงทุนมากแค่ไหน Read More »

Ethereum คืออะไร และมีความสำคัญในโลก Blockchain อย่างไร

สกุลเงินดิจิทัล เป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถใช้ในการทำธุรกรรมหลากหลายอย่างได้ และมีสกุลเงินใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักเทรด สามารถเลือกเทรดสกุลเงินต่างๆได้ตามความต้องการ โดยดูแนวโน้มการขึ้นลงต่างๆ และศึกษาวิเคราะห์กราฟและข้อมูลอย่างถูกต้อง และวันนี้เราจะมาพูดถึงสกุลเงิน Ethereum (อีเธอร์เลียม) ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมชาวคริปโตจึงนิยมกัน สกุลเงิน Ethereum เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล ได้รับการพัฒนาจากเด็กหนุ่มชาวรัสเซีย นามว่า Vitalik Buterin เขาเองเคยอยู่ในทีมพัฒนาเหรียญบิทคอยน์มาก่อน และการที่เขาต้องการที่จะสร้างเหรียญสกุลนี้ขึ้นมา ก็เพื่อต้องการให้ใช้งานได้เหมือนกับเหรียญบิทคอยน์ แต่เพิ่มความสามารถของเหรียญให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน สกุลเงินนี้จึงไม่ได้จำกัดแค่เพียงการใช้งานด้านการงาน แต่ยังสามารถใช้ในการดำเนินธุรกิจต่างๆได้ด้วย อันที่จริงแล้ว Ethereum และบิทคอยน์ไม่ได้ต่างกันเลย เพราะว่าเป็นเงินสกุลดิจิตอลเหมือนกัน และขุด ซื้อขายเก็งกำไรได้เหมือนกัน และในบางประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและประเทศสวิสเซอร์แลนด์ก็ให้การยอมรับในการซื้อสินค้าและบริการได้ แต่บิทคอยน์ก็มีข้อแตกต่างอยู่บ้างตรงที่มั เป็นแค่สกุลเงินจะพัฒนาหรือทำอะไรมากไม่ได้ แต่สำหรับสกุลเงิน Ethereum นั้น เปิดให้ทุกคนเข้ามาเขียนข้อมูลบนสกุลเงินเพื่อร่วมกันพัฒนาได้เพราะมันเป็นระบบ Open Source ถือเป็นข้อดีเพราะมันทำให้ทุกคนเข้าถึงสกุลเงินนี้ได้ และยังสามารถพัฒนาให้ตอบโจทย์คนที่ใช้บริการได้ดีอีกด้วย โดยคุณอาจเคยได้ยินคำว่า ERC20 มาหลายครั้งแล้วในโลกคริปโต ซึ่ง ERC20 กล่าวง่ายๆก็คือระบบ Smart Contractบนแพลตฟอร์ม Ethereum เพื่อใช้ในการสร้าง Token นั่นเอง …

Ethereum คืออะไร และมีความสำคัญในโลก Blockchain อย่างไร Read More »

การลงทุนในคริปโต สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่แม้แต่หุ้น ก็ไม่รู้จัก

ถ้าจะพูดถึงการลงทุน หรือการนำเงิน ไปต่อยอดเงินนั้น การลงทุนในตลาดหุ้น เป็นการลงทุนที่คุ้นชินที่สุด สำหรับชาวไทย เพราะตลาดหุ้น เมืองไทยมีมานาน สมัยก่อน ตลาดหุ้น คนไทยถือว่าเป็นเรื่องของคนรวย ดั่งคำที่ว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น เมื่อผ่านยุคสมัยที่ดิจิทัล มีบทบทสำคัญเป็นอย่างมาก บวกกับเศรษฐกิจบ้านก็ซบเซา ทำให้ไม่เพียงเฉพาะคนจนเท่านั้นที่เล่นหวย แต่คนรวยมีฐานะ ก็มาหวังผลกำไรกับตรงนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยความที่สมัยนี้ internet เข้าถึงได้ง่ายทุกหย่อมหญ้า Crypto Currency หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า คริปโต เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อหลายปีก่อน ความหวือหวาในค่าเงินที่ดิ่งสุด ขึ้นสุด ทำให้คนสนใจกันมากขึ้น ความเข้าใจในเทคโนโลยีแห่งอนาคต เริ่มทำให้ผู้คนทั่วโลก หันมาจับตาสกุลเงินใหม่ ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีอย่างแท้จริง เรียกว่า เพชรนิลจินดา น้ำมัน และแร่ธาตุ หาได้ตามผืนแผ่นดิน และสภาพภูมิประเทศ แล้วแต่ว่า ประเทศไหนโชคดี ที่มีทรัพยากรในดิน มากกว่ากัน แต่ Crypto Currency หรือเรียกสั้นๆ ว่า คริปโต ถือกำเนิดมาจาก มันสมองของมนุษย์ ที่คิดค้นขึ้นมาจากสมการคณิตศาสตร์ชั้นสูง บวกกับเทคโนโลยีที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ …

การลงทุนในคริปโต สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่แม้แต่หุ้น ก็ไม่รู้จัก Read More »

บิทคอยน์กับเคล็ดลับเบื้องต้นสำหรับคนมือใหม่

บิทคอยน์คืออะไร บิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลในประเภทของCryptocurrency ไร้รูปแบบแต่มีหลักการลงทุนและใช้เงินโดยเฉพาะและเป็นเงินที่ใช้ซื้อสินค้าหรือบริการได้จริงหากมีการกำหนดไว้หลายคนจึงอยากจะลงทุนและเก็บสกุลเงินแบบนี้ไว้ในอนาคตวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดีๆสำหรับมือใหม่อยากลงทุนบิทคอยน์มาฝากกัน คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบิทคอยน์คืออะไรและเรียนรู้ว่าคุณจะสามารถทำกำไรกับการเล่นสกุลเงินนี้ได้อย่างไรไม่ใช่เรียนรู้แบบคร่าวๆแต่คุณต้องทำความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนให้ถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินใจและต้องคิดเสมอว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงผู้ลงทุนจึงต้องคิดถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นด้วย จะหาซื้อบิทคอยน์ได้ที่ไหน เมื่อคุณเข้าใจข้อมูลในเบื้องต้นแล้วต่อไปให้คุณลงทะเบียนสมัครกับบริษัทที่ซื้อขายบิทคอยน์ซึ่งต้องเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากคุณต้องทำการซื้อขายผ่านระบบเว็บที่คุณเป็นสมาชิกอยู่แต่ว่าคุณสามารถสมัครซื้อขายได้กับหลายเว็บโดยคุณต้องศึกษาเว็บซื้อขายให้ดีเลือกที่มีคุณภาพมาตรฐานมีการบริหารจัดการเว็บที่ดีโดยอาจศึกษาจากรีวิวที่มีคนเขียนไว้เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณตัดสินใจได้ หากคุณสมัครแล้วคุณจะมีบัญชีซื้อขายบิทคอยน์คุณก็ทำการซื้อขายได้เลยแต่ว่าในแต่ละเว็บอาจมีขั้นตอนในการซื้อขายต่างกันบ้างคุณจึงควรศึกษาให้ดีเพื่อให้ทำการซื้อขายได้อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการของคุณและค่าเงินสกุลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพราะฉะนั้นต้องดูด้วยว่าอัตราการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้างเพื่อจะได้กำหนดอัตราของเงินที่ไปแลกได้อย่างถูกต้องและเมื่อคุณซื้อขายแล้วสกุลเงินจะอยู่ในกระเป๋าบิทคอยน์ซึ่งในเว็บที่คุณสมัครสมาชิกจะมีกระเป๋าฟรีอยู่แล้วคุณจึงไม่ต้องไปแสวงหาอีกให้วุ่นวายแต่เน้นย้ำว่าควรเลือกเว็บดีมีคุณภาพเท่านั้น หลากหลายวิธีการเทรดบิทคอยน์ ความจริงอีกเรื่องหนึ่งคือนักเทรดบิทคอยน์มีอยู่หลายสายมากมีทั้งลงทุนระยะสั้นระยะยาวคุณเลือกได้ให้เหมาะกับเงินที่มีไลฟ์สไตล์ของตัวคุณแต่ก่อนที่คุณจะเลือกสายไหนคุณต้องศึกษาให้ดีว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างเพื่อจะได้เลือกตัดสินใจก่อนการลงทุนเพื่อให้เกิดผลที่คุ้มค่าที่สุดอย่างเช่นการนำไปไปแลกซื้อกำลังขุดเหรียญ นำไปเทรดในตลาดที่มีการแลกเปลี่ยนสูงเป็นต้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะขาดไม่ได้เลยนั้นคือการศึกษาหาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอยิ่งคุณเป็นมือใหม่ด้วยแล้วการศึกษาข้อมูลจะช่วยคุณสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการได้ ทั้งหมดนี้คือการลงทุนบิทคอยน์สำหรับมือใหม่ที่อยากลองขุดเหรียญและในอนาคตเชื่อแน่ว่าจะมีสกุลเงินดิจิทัลออกมาให้เราลงทุนอย่างมากมายเพราะโลกในปัจจุบันคือโลกแห่งเทคโนโลยีและโลกแห่งเงินดิจิทัลที่จะทำให้คุณเข้าสู่โลกแห่งการเงินที่ไร้รูปแบบ

Blockchain เกี่ยวอะไรกับ Bitcoin

ณ ปัจจุบันผมมั่นใจว่านักลงทุนกับสกุลเงินออนไลน์อย่าง Bitcoin ต้องรู้จัก Blockchain อย่างแน่นอนใช่เปล่าครับ เพราะระบบตัวนี้จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องความปลอดภัยของการโอนเงินสกุลนี้เป็นอย่างมาก เพราะในอดีตเรายังคงต้องใช้วิธีการโอนเงินผ่านบุคคลที่สาม หรือตัวกลางอยู่ซึ่งในบางครั้งอาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันมากมาย ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งจากที่กล่าวมาเมื่อมีระบบ Blockchain คุณก็สามารถคลายกังวลกับเรื่องเหล่านี้ไปได้เลยทีเดียว วันนี้ผมถึงอย่างจะให้ผู้ที่สนใจอีกหลายท่านที่สนใจเรื่องของ Bitcoin กับ Blockchain ได้ทราบถึงความสำคัญของสองสิ่งนี้ว่าเป็นองค์ประกอบที่คู่กันอย่างไรมาดูกันครับ สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการตลาดออนไลน์จำเป็นมากที่ท่านต้องศึกาเกี่ยวกับสกุลเงินตัวนี้ เพราะในอนาคตการซื้อขายสินค้าบนโลกออนไลน์อาจจะต้องใช้สกุลเงินนี้เป็ฯสื่อกลางโดยตรงในการซื้อขาย แต่ดีที่เรามีระบบ Blockchain ขึ้นมาเพื่อลดการผ่านสื่อกลางไม่ทำให้ระบบยุ่งยากจนเกินไป เพิ่มความมั่นใจถึงความปลอดภัยของสกุลเงินนี้ได้อีกด้วย ทำให้คุณอุ่นใจเสมือนมีกระเป้าเงินออนไลน์ที่ดี ตัวอย่างเช่น  Ledger, TREZOR, KeepKey Hardware Wallet  จึงไม่ต้องกลัวเรื่องมิจฉาชีพที่จะเข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วยครับ ท้ายนี้ผมเองก็ต้องฝากเรื่องระบบ Blockchain ด้วยสำหรับผู้ที่กำลังมองหา หรือยังไม่เข้าใจว่าจริงแล้วสองคำนี้เกี่ยวโยงกันอย่างไร อย่างน้อยผู้ที่ได้อ่านบทความนี้สามารถที่จะเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบนี้ในการดูแลสกุลเงิน Bitcoin ของคุณในการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ได้ง่าย สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพิ่มช่องทางความปลอดภัยต่าง ๆ อีกมากมายครับ หากท่านใดอ่านแล้วชื่นชอบบทความนี้ ในครั้งถัดไปสามารถติดตามได้ครับว่าผมจะนำสาระใดเกี่ยวกับ Blockchain มานำเสนอต่อไปครับ

Blockchain (บล็อกเชน) และ Bitcoin (บิทคอยน์) เทคโนโลยีผู้พลิกโฉมโลกการเงิน

ในปัจจุบันนั้นเราคงต้องยอมรับว่าโลกเทคโนโลยีนั้นพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยีมากมายเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร ไม่เว้นแม้แต่เทคโนโลยีของโลกการเงินที่ได้มีการพลิกโฉมอย่างมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้บริการ และเมื่อพูดถึงเทคโนโลยีทางด้านการเงินนั้น จะไม่พูดถึงสองเทคโนโลยีที่พลิกโฉมโลกการเงิน อย่าง Blockchain (บล็อกเชน) และ Bitcoin (บิทคอยน์) ไม่ได้เลย Bitcoin (บิทคอยน์) คือการแลกเปลี่ยนเงินตราชนิดหนึ่ง ที่เป็นสกุลเงินในโลกดิจิตอล โดยผู้รับและผู้จ่ายจะสามารถทำการโอนเงินตราได้ด้ววยการเข้ารหัสโดยไม่ต้องมีตัวกลาง หรืออาจผ่านตัวประสานของรับบที่เป็นแบบ เรียลไทม์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของเทคโนโลยี “บล็อกเชน” (Blockchain) Bitcoin (บิทคอยน์ ) เกิดขึ้นเมื่อ ปี 2008 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากความมีประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมการเงิน โดยผู้ใช้สามารถที่จะส่งเงินให้กันได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รหัสของบัตรเครดิต จึงเป็นที่นิยมในเรื่องของความปลอดภัยจากการโจรกรรมข้อมูล เทคโนโลยี “บล็อกเชน” (Blockchain) ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนเงินสกุลเงิน Bitcoin (บิทคอยน์ )ไปยังผู้รับต่างๆ โดยมีการยืนยันจากผู้ใช้ และระบบจะมีการบันทึกข้อมูลไว้เป็นสาธารณะจึงยากต่อการที่จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆได้อีกด้วย

เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) นวัตกรรมใหม่แห่งโลกการเงิน

เมื่อไม่กี่ปีมานี้นั้นสกุลเงิน bitcoin สกุลเงินดิจิตอลชนิดหนึ่ง ได้รับความนิยมเป็นอันมาก จนทำให้มีราคาทะยานขึ้นสูงหลายร้อยเท่าตัว เรียกได้ว่าหากลงทุนใน bitcoin นั้นได้กำไร มากกกว่าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายร้อยเท่าตัวเลยทีเดียว ทั้งนี้ความนิยมของสกุลเงินBitcoin (บิทคอยน์) นั้นเกิดจากความสะดวก ปลอดภัย และใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเดินทาง นอกจากนี้ยังมีการเสริมทัพด้วย เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) ที่จัดได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งโลกการเงินที่จะช่วยให้การจัดการกับสกุลเงิน bitcoinมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงมากยิ่งขึ้นอีกเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) มีจุดเด่นที่ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ในวงกว้าง จึงทำให้เกิดความเชื่อถือเป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยีดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจากไอเดียของ Satoshi Nakamoto ซึ่งคือผู้คิดค้นสกุลเงินดิจิตอล Bitcoin (บิทคอยน์) ขึ้นมานั่นเอง ดังนั้นทั้งสองระบบจึงถูกผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและเรียบง่าย ด้วยจุดเด่นของการเข้าถึงข้อมูลการโอนอย่าง่ายดาย และมีความน่าเชื่อถือที่สูงเพราะผู้ใช้ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอล Bitcoin (บิทคอยน์)ได้เอง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ นอกจากนี้เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) ยังมีจุดเด่นคือช่วยกำจัดค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียให้บุคคลที่สามผู้ตรวจสอบสถานการณ์โอนและรับเงินอย่างธนาคาร ทำให้การทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดิจิตอล Bitcoin (บิทคอยน์) ผ่านเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน)นั้นไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด จึงเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันค่ะ

เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยของการใช้จ่ายผ่าน สกุลเงิน Bitcoin (บิทคอยน์)

ในปัจจุบันนั้นได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากกับชีวิตประจำวันของเรา โดยบทบาทของเทคโนโลยีต่างๆได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และหนึ่งในเทคโนโลยีที่ไม่อาจที่จะพลาดที่จะกล่าวถึงได้เลยนั้นก็คือเทคโนโลยีการจัดการการเงินออนไลน์อย่างเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) ควบคู่กับการใช้งานสกุลเงิน Bitcoin (บิทคอยน์) โดยทั้งสองเทคโนโลยีนั้นช่วยกันผสานให้การจัดการการโอนเงินและระบบเงินต่างๆมีความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งานได้อย่างมากยิ่งขึ้นและยังช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับผู้เข้าใช้งานอีกด้วย โดยสกุลเงิน Bitcoin (บิทคอยน์) เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งการเก็บรักษาเงินดิจิตอล Bitcoin (บิทคอยน์) นั้นก็สามารถที่จะเลือกจัดเก็บได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการเก็บสกุลเงิน Bitcoin (บิทคอยน์) โดยการใช้กระเป๋าสตางค์เก็บสกุลเงิน bitcoin อย่าง Ledger, Trezor หรือ KeepKey ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเพราะเป็นวิธีที่จัดเก็บเงินดิจิตอล Bitcoin (บิทคอยน์) ได้อย่างมีคุณภาพ และยากต่อการถูกโจรกรรมเพราะมีการเข้ารหัสเฉพาะที่ผู้ใช้เป็นคนตั้งขึ้นเอง จึงเห็นได้ว่าการที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมากนั้นช่วยทำให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนทำได้ง่าย มีความปลอดภัย และลดค่าใช้จ่ายลง เพราะหากเราไปโอนเงินข้ามประเทศที่ธนาคารนั้นจะเสียค่าธรรมเนียมมหาศาล แต่เมื่อโอนสกุลเงิน bitcoin ผ่านเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) นั้นเราจะไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมของการโอนเงินแต่อย่างใดค่ะ