ทำความรู้จัก Ledger Nano S Plus Hardware Wallet กระเป๋าสตางค์สำหรับจัดเก็บคริปโตที่แสนคุ้มค่า ด้วยรูปลักษณ์กะทัดรัดเหมือนกับมีดพก ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย
สำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าสตางค์สำหรับจัดเก็บเงินดิจิทัล กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่จะช่วยรักษาสินทรัพย์แบบออฟไลน์หรือ hardware wallet ถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ ซึ่งอุปกรณ์นี้ก็จะช่วยปกป้องสินทรัพย์ไม่ให้ถูกแฮกเกอร์ยักยอกผ่านทางออนไลน์
จุดเด่นที่น่าสนใจของ Ledger Nano S Plus คือนอกจากจะสามารถจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลได้แล้ว ยังสามารถเก็บโทเค็นพิเศษอย่าง Non-Fungible Token (NFT) ได้อีกด้วย
Ledger Nano S Plus เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Ledger Nano S ที่ปล่อยสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2016 และกลายเป็น Hardware Wallet ที่ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยกวาดยอดขายไปมากกว่า 4.5 ล้านเครื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีสกุลเงินคริปโตจำนวนมากพอสมควรที่ไม่อาจจะอยู่ในท้องตลาดได้และการที่ NFT ได้รับความนิยมเพิ่มอย่างล้นหลาม Ledger Nano S Plus จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อจัดเก็บ NFT ด้วย นอกเหนือจากสกุลเงินดิจิทัลทั่วไปนั่นเอง
อุปกรณ์ที่มากับเครื่อง Ledger Nano S Plus
- ตัวอุปกรณ์ Ledger Nano S Plus บรรจุมาในกล่องสีดำและปลอกหุ้มสีเงิน ภายในจะประกอบด้วย
- อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ Ledger Nano S Plus
- สาย USB ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ Ledger เข้ากับคอมพิวเตอร์ (ด้านหนึ่งเป็นหัว USB อีกด้านเป็น Type-C)
- กล่องสีส้มสดใสและกระดาษโน็ตสามแผ่นสำหรับจดรหัส Recovery Phrase หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Seed Phrase
- กล่องสีม่วงพาสเทลสำหรับคู่มือผู้ใช้งาน
- สายคล้องกุญแจที่มีโลโกของ Ledger
ตัวอุปกรณ์ hardware wallet จะดูเหมือน thumb drive ที่ถูกออกแบบอย่างหรูหรา ครอบด้วยปีกครอบทำจากโลหะประณีต หน้าจอจะเป็นขาวดำความละเอียด 128 x 64 พิกเซล เหมาะสมกับการใช้งาน
ตัวเครื่องจะมีปุ่มกดอยู่ข้างละปุ่ม ส่วนด้านบนจะมีที่เสียบปลั้กสายเชื่อมต่อสำหรับหัว Type-C เพื่อเชื่อมต่อตัวอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์
วิธีการติดตั้งอุปกรณ์ Ledger Nano S Plus
ขั้นตอนการติดตั้งการใช้งานของ Ledger Nano S Plus ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น
ก่อนอื่น ผู้ใช้งานจำเป็นจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นของ Ledger อย่าง Ledger Live จากเว็บไซต์ของบริษัทหรือ app store โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวสามารถติดตั้งได้บนคอมพิวเตอร์ (Windows, Mac) และโทรศัพท์มือถือ (Android, iOS)
เมื่อติดตั้งแอพพลิเคชั่นเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็คือการเชื่อมต่อ thumb drive เข้ากับคอมพิวเตอร์โดยใช้สายเชื่อมที่มาด้วยกัน
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ให้เตรียมปากกาไว้ให้พร้อมเพื่อที่จะจดรหัส Recovery Phrase
ต่อไปคือการตั้งรหัส PIN ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่มีความยาว 4 – 8 หลัก ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องกรอกรหัสดังกล่าวทุกครั้งเมื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์และทำการอนุมัติธุรกรรมใดๆ ที่เกิดขึ้น
หากต้องการจะจดรหัสดังกล่าว ให้จดใส่กระดาษและเก็บไว้แบบออฟไลน์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ห้ามถ่ายรูปหรือจดเก็บไว้ในแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์ออนไลน์ใดๆ ก็ตามเด็ดขาด
จากนั้นเครื่องจะให้ผู้ใช้งานจดบันทึกรหัส Recovery Phrase ซึ่งจะเป็นคำที่ถูกสุ่มขึ้นมา 24 คำ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจดรหัสที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะให้ผู้ใช้งานเลือกตัวอักษรที่ให้จดเมื่อสักครู่อีกครั้งให้ถูกต้องเป็นการยืนยัน
Recovery Phrase จะเป็นตัวช่วยในการดึงข้อมูลและสินทรัพย์ที่ถูกเก็บเอาไว้ในอุปกรณ์ ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหายหรือชำรุด หากผู้ใช้งานไม่อาจยืนยันรหัส Recovery Phrase ที่ถูกต้องได้ สินทรัพย์ที่ถูกเก็บไว้ก็ไม่สามารถถูกกู้คืนได้ตลอดกาล
Nano S Plus เหมาะสำหรับใคร?
Nano S Plus เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบมาเพื่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมาแล้วบ้างและกำลังต้องการที่จะถือทรัพย์สินดิจิทัลเป็นเวลานาน หรือที่เรียกว่า “HODL” เพื่อการเก็งกำไรและต้องการที่จะเก็บสินทรัพย์นั้นไว้อย่างปลอดภัยกับตัวเอง
สรุปแล้ว ฟังก์ชั่นที่ของ Ledger Nano S Plus นอกเหนือจากช่วยจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยแบบออฟไลน์และการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ผ่านแอพพลิเคชั่นของ Ledger โดยตรงเหมือนกับ Ledger Nano S แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นน่าสนใจอย่างการจัดเก็บ NFT เพิ่มขึ้นมา จึงถือว่า Ledger Nano S Plus เป็น Hardware Wallte ที่น่าสนใจสำหรับสายสะสม NFT เลยทีเดียว